ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลในประเทศออสเตรเลีย

ภาพรวม

หลักการเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของออสเตรเลีย (APPs) ที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยความเป็นส่วนตัวของออสเตรเลียปี 1988 (Cth) ระบุข้อกำหนดสำหรับการรวบรวม การจัดการ การรับมือ การใช้งาน การเปิดเผย และการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลในลักษณะอื่นไว้ APPs กำหนดหลักการคุ้มครองข้อมูลเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของบุคคล

AWS นั้นให้ความระมัดระวังกับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลของคุณ ความปลอดภัยที่ AWS นั้นมีจุดเริ่มต้นมาจากโครงสร้างที่เป็นหัวใจหลักของเรา สร้างมาเฉพาะสำหรับระบบคลาวด์และออกแบบมาให้สอดคล้องต่อข้อกำหนดความปลอดภัยที่เข้มงวดที่สุดในโลก โครงสร้างของเราได้รับการตรวจสอบตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันเพื่อให้แน่ใจถึงการรักษาความลับ ความถูกต้อง และความพร้อมใช้งานของข้อมูลของลูกค้าของเรา ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยระดับโลกที่ตรวจสอบโครงสร้างนี้ยังได้สร้างและรักษาตัวเลือกบริการด้านความปลอดภัยอันหลากหลายของเราไว้ ซึ่งช่วยให้คุณสามารถลดความยุ่งยากในการดำเนินการอย่างสอดคล้องกับข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและกฎระเบียบของคุณด้วย ในฐานะลูกค้าของ AWS ไม่ว่าอุตสาหกรรมของคุณจะมีขนาดเท่าใดหรือตั้งอยู่ที่ใด คุณก็มีสิทธิ์ในการใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ของเรา ซึ่งผ่านการทดสอบกับเฟรมเวิร์กประกันคุณภาพที่เข้มงวดที่สุดของผู้ทดสอบภายนอกมาแล้ว

AWS ใช้และคงมาตรการทางเทคนิคและความปลอดภัยขององค์กรกับบริการโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ของ AWS ภายใต้เฟรมเวิร์กการรับประกันและการรับรองด้านความปลอดภัยที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก ซึ่งประกอบไปด้วย IRAP, ISO 27001, ISO 27017, ISO 27018, PCI DSS Level 1 และ SOC 1, 2 และ 3 มาตรการทางเทคนิคและความปลอดภัยขององค์กรเหล่านี้ได้รับการตรวจสอบโดยผู้ประเมินอิสระจากภายนอก และออกแบบมาเพื่อป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือการเปิดเผยข้อมูลของลูกค้า

ตัวอย่างเช่น ISO 27018 เป็นหลักปฏิบัติสากลที่มุ่งเน้นการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลบนระบบคลาวด์ ซึ่งมีรากฐานมาจากมาตรฐานด้านความปลอดภัยของข้อมูล ISO 27002 และให้ข้อมูลแนะนำด้านการนำไปใช้เกี่ยวกับมาตรฐานการควบคุม ISO 27002 ซึ่งใช้กับข้อมูลที่ระบุตัวบุคคลได้ (PII) ที่ประมวลผลโดยผู้ให้บริการระบบคลาวด์สาธารณะ สิ่งนี้แสดงให้ลูกค้าเห็นได้ว่า AWS นั้นมีระบบการกำกับดูแลเฉพาะสำหรับปกป้องความเป็นส่วนตัวของข้อมูลลูกค้า

มาตรการด้านเทคนิคและองค์กรของ AWS อันครอบคลุมเหล่านี้สอดคล้องกับเป้าหมายของ APPs ในการปกป้องข้อมูลส่วนตัว ลูกค้าที่ใช้บริการของ AWS จะมีความสามารถในการควบคุมข้อมูลของตน และต้องรับผิดชอบต่อการดำเนินการตามมาตรการด้านความปลอดภัยเพิ่มเติมตามความต้องการที่เจาะจงของตน ซึ่งประกอบไปด้วยการจัดหมวดหมู่ข้อมูล การเข้ารหัส การจัดการการเข้าถึง และการยืนยันเพื่อรักษาความปลอดภัย

เนื่องจาก AWS ไม่สามารถมองเห็นหรือรับทราบเกี่ยวกับสิ่งที่ลูกค้าอัปโหลดไปยังเครือข่ายของเราได้ รวมทั้งไม่สามารถทราบได้ว่าข้อมูลดังกล่าวถือว่าอยู่ภายใต้กฎหมายว่าด้วยความเป็นส่วนตัวหรือไม่ ลูกค้าจึงต้องรับผิดชอบต่อการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยความเป็นส่วนตัวและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องเอง เนื้อหาในหน้านี้เป็นส่วนเสริมของแหล่งข้อมูลด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูลที่มีอยู่แล้วเพื่อช่วยให้ข้อกำหนดของคุณสอดคล้องกับโมเดลความรับผิดชอบร่วมกันของ AWS เมื่อคุณจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลส่วนตัวโดยใช้บริการของ AWS

  • ภายใต้ โมเดลความรับผิดชอบร่วมกันของ AWS ลูกค้ายังคงมีความสามารถในการควบคุมความปลอดภัยที่ตนเลือกเพื่อนำไปใช้ปกป้องข้อมูล แพลตฟอร์ม แอปพลิเคชัน ระบบ และเครือข่ายของตนได้ เช่นเดียวกับที่ลูกค้าทำในแอปพลิเคชันในศูนย์ข้อมูลบนเว็บไซต์ ลูกค้าสามารถพัฒนาจากมาตรการและการควบคุมทางเทคนิคและความปลอดภัยขององค์กรที่ AWS มอบให้ได้เพื่อบริหารจัดการข้อกำหนดในการปฏิบัติตามกฎระเบียบของตน ลูกค้าสามารถใช้มาตรการที่ตนคุ้นเคยในการปกป้องข้อมูลของตนได้ เช่น การเข้ารหัสและการยืนยันตัวตนหลายปัจจัยนอกเหนือจากคุณสมบัติด้านความปลอดภัยของ AWS อย่าง AWS Identity and Access Management

    เมื่อทำการประเมินความปลอดภัยของโซลูชันระบบคลาวด์ ลูกค้าจำเป็นต้องเข้าใจและแยกความแตกต่างระหว่าง:

    • มาตรการด้านความปลอดภัยที่ AWS นำไปใช้และดำเนินการ ซึ่งได้แก่ “ความปลอดภัยของระบบคลาวด์” และ
    • มาตรการด้านความปลอดภัยที่ลูกค้านำไปใช้และดำเนินการเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและแอปพลิเคชันของลูกค้าที่ใช้ประโยชน์จากบริการของ AWS ซึ่งได้แก่ “ความปลอดภัยในระบบคลาวด์”
  • ลูกค้าจะคงสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของและการควบคุมเนื้อหาลูกค้าของตน และสามารถเลือกได้ว่าบริการของ AWS บริการใดจะทำหน้าที่ประมวลผล จัดเก็บ และเป็นโฮสต์ให้กับเนื้อหาลูกค้าของตน AWS ไม่มีความสามารถในการมองเห็นเนื้อหาของลูกค้า และจะไม่เข้าถึงหรือใช้งานเนื้อหาของลูกค้า เว้นแต่เพื่อการให้บริการของ AWS ที่ลูกค้าเลือก หรือเมื่อจำเป็นต่อการปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งทางกฎหมายที่ผูกมัด

    ลูกค้าที่ใช้บริการของ AWS จะยังคงมีความสามารถในการควบคุมเนื้อหาของตนภายในสภาพแวดล้อมของ AWS ได้ พวกเขาสามารถ:

    • กำหนดได้ว่าจะเก็บเนื้อหาไว้ที่ใด ตัวอย่างเช่นประเภทของพื้นที่จัดเก็บและตำแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของพื้นที่จัดเก็บ
    • ควบคุมรูปแบบของเนื้อหานั้น ตัวอย่างเช่น ข้อความธรรมดา แบบสวมข้อมูล ไม่ระบุชื่อ หรือใส่รหัส โดยใช้ได้ทั้ง AWS ในการเข้ารหัสข้อมูลหรือใช้กลไกการเข้ารหัสของบริษัทอื่น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการเลือกของลูกค้า
    • จัดการการควบคุมการเข้าถึงอื่นๆ เช่นการจัดการการเข้าถึงข้อมูลประจำตัวและข้อมูลรับรองความปลอดภัย
    • ควบคุมว่าจะใช้ SSL, Virtual Private Cloud และมาตรการรักษาความปลอดภัยเครือข่ายอื่นๆ เพื่อป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่

    สิ่งนี้ช่วยให้ลูกค้าของ AWS สามารถควบคุมวงจรการใช้งานเนื้อหาของตนบน AWS ได้ทั้งหมด และสามารถจัดการเนื้อหาได้ตามความต้องการ ซึ่งรวมถึงการจัดหมวดหมู่ข้อมูล การควบคุมการเข้าถึง การเก็บรักษา และการลบเนื้อหา

  • โครงสร้างพื้นฐานส่วนกลางของ AWS ช่วยให้คุณเลือกวิธีและสถานที่ที่คุณจะเรียกใช้ปริมาณงานได้อย่างยืดหยุ่น และเมื่อเลือกแล้ว คุณจะใช้เครือข่าย, ชั้นการควบคุม, API และบริการของ AWS เดียวกัน หากคุณต้องการเรียกใช้แอปพลิเคชันของคุณทั่วโลก คุณสามารถเลือกจากรีเจี้ยนและ Availability Zone ใดของ AWS ก็ได้ ในฐานะลูกค้า คุณเลือกได้ว่าจะจัดเก็บเนื้อหาของลูกค้าของคุณไว้ใน Region ใดของ AWS ซึ่งช่วยให้คุณปรับใช้บริการของ AWS ในตำแหน่งที่ตั้งที่คุณต้องการได้ตามข้อกำหนดทางภูมิศาสตร์ที่เฉพาะเจาะจงของคุณ ตัวอย่างเช่น หากลูกค้า AWS ในออสเตรเลียต้องการจัดเก็บข้อมูลของตนไว้ในออสเตรเลียเท่านั้น ลูกค้าสามารถปรับใช้บริการของ AWS เฉพาะใน Region เอเชียแปซิฟิก (ซิดนีย์) ของ AWS ได้ หากต้องการดูตัวเลือกพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่ยืดหยุ่นแบบอื่นๆ โปรดไปที่เว็บเพจรีเจี้ยนของ AWS

    คุณสามารถทำซ้ำและสำรองข้อมูลเนื้อหาของลูกค้าของคุณใน AWS Region ได้มากกว่าหนึ่งแห่ง เราจะไม่เคลื่อนย้ายหรือทำซ้ำเนื้อหาของคุณนอกเขตของ AWS Region ที่คุณเลือกโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากคุณ ยกเว้นในแต่ละกรณีที่จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งที่มีผลผูกพันของหน่วยงานของรัฐ อย่างไรก็ตาม โปรดทราบว่าบริการของ AWS ทั้งหมดอาจไม่พร้อมใช้งานในบางรีเจี้ยนของ AWS สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมว่าบริการใดพร้อมใช้งานในรีเจี้ยนใดของ AWS โปรดดูเว็บเพจ รีเจี้ยนของ AWS

  • กลยุทธ์ด้านความปลอดภัยของศูนย์ข้อมูลของ AWS นั้นประกอบไปด้วยมาตรการควบคุมด้านความปลอดภัยหลายระดับและการป้องกันหลายชั้นที่ช่วยในการปกป้องข้อมูลของคุณ ตัวอย่างเช่น AWS จะบริหารจัดการกับความเสี่ยงของอุทกภัยและเหตุการณ์แผ่นดินไหวอย่างระมัดระวัง เรามีกำแพงป้องกันทางกายภาพ พนักงานรักษาความปลอดภัย เทคโนโลยีตรวจจับภัยคุกคาม และกระบวนการคัดกรองเชิงลึกเพื่อจำกัดการเข้าถึงศูนย์ข้อมูล เราทำการสำรองระบบ ทดสอบอุปกรณ์และกระบวนการของเราเป็นประจำ อีกทั้งยังฝึกอบรมพนักงานของ AWS อย่างต่อเนื่องเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด

    ในการตรวจสอบความปลอดภัยของศูนย์ข้อมูลของเรา ผู้ตรวจสอบภายนอกได้ดำเนินการทดสอบกับมาตรฐานและข้อกำหนดมากกว่า 2,600 รายการตลอดทั้งปี การตรวจสอบอิสระเช่นนี้ช่วยให้แน่ใจว่ามาตรฐานด้านความปลอดภัยเราของนั้นเป็นไปตามหรือสูงกว่าที่กำหนด ด้วยเหตุนี้ องค์กรที่มีการควบคุมที่เข้มงวดที่สุดในโลกจึงไว้ใจให้ AWS ปกป้องข้อมูลของตน

    เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีในการรักษาความปลอดภัยของศูนย์ข้อมูลของ AWS ตามการออกแบบโดยการเข้าร่วมทัวร์เสมือนจริง »

  • ลูกค้าจะเลือกใช้แค่หนึ่งเขต ทุกเขต หรือเลือกชุดเขตที่ต้องการใช้ก็ได้ ไปที่หน้าโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกของ AWS เพื่อดูรายการเขต AWS ทั้งหมด

  • โครงสร้างพื้นฐาน AWS Cloud ได้รับการออกแบบมาให้เป็นหนึ่งในสภาพแวดล้อมการประมวลผลบนระบบคลาวด์ที่ยืดหยุ่นและปลอดภัยที่สุดที่มีอยู่ในขณะนี้ คุณภาพระดับ Amazon เอื้อเป็นอย่างมากให้ลงทุนกับนโยบายความปลอดภัยและมาตรการรับมือได้มากกว่าที่บริษัทขนาดใหญ่อื่นๆ แทบทุกบริษัทจะสามารถทำได้เอง โครงสร้างพื้นฐานนี้ประกอบไปด้วยฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ เครือข่าย และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ใช้บริการต่างๆ ของ AWS ที่ให้ลูกค้าและคู่ค้า APN มีอำนาจควบคุมหลากหลายอย่าง รวมถึงการควบคุมการกำหนดค่าความปลอดภัย สำหรับการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล 

    AWS ยังจะให้รายงานการปฏิบัติตามข้อกำหนดหลายฉบับจากผู้ตรวจสอบภายนอกซึ่งได้ตรวจสอบและยืนยันการปฏิบัติตามข้อกำหนดมาตรฐานและข้อบังคับด้านความปลอดภัยของเรา ซึ่งประกอบด้วย ISO 27001, ISO 27017 และ ISO 27018 เพื่อแสดงถึงความโปร่งใสในประสิทธิภาพของมาตรการเหล่านี้ คุณจะเข้าถึงรายงานการตรวจสอบบุคคลภายนอกได้ใน AWS Artifact สำหรับลูกค้าและคู่ค้า APN ของเราซึ่งอาจทำหน้าที่เป็นทั้งผู้ควบคุมข้อมูลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลแล้ว รายงานเหล่านี้ได้แสดงให้เห็นว่าเรากำลังปกป้องโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญอันเป็นที่ซึ่งลูกค้าได้ใช้จัดเก็บและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ให้ไปที่แหล่งข้อมูลสำหรับการปฏิบัติตามข้อกำหนดของเรา

  • AWS นำเสนอภาคผนวกข้อมูลเกี่ยวกับการละเมิดข้อมูลที่ต้องมีการแจ้งให้ทราบของออสเตรเลีย (ANDB) สองประเภทให้กับลูกค้าที่ดำเนินงานภายใต้กฎหมายความเป็นส่วนตัวของออสเตรเลียปี 1988 (Cth) และใช้ AWS เพื่อจัดเก็บและดำเนินการกับข้อมูลส่วนบุคคลที่คุ้มครองโดยรูปแบบ NDB ภาคผนวก ANDB ระบุความจำเป็นของลูกค้าสำหรับการแจ้งเตือนหากเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยส่งผลกระทบต่อข้อมูลของตน AWS ทำให้ภาคผนวก ANDB ทั้งสองประเภทพร้อมให้บริการแบบออนไลน์เมื่อคลิกผ่านข้อตกลงใน AWS Artifact (พอร์ทัลการตรวจสอบและปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ลูกค้าใช้งานซึ่งสามารถเข้าถึงได้จาก AWS Management Console) ประเภทแรก ภาคผนวก ANDB สำหรับบัญชีที่ใช้กับบัญชีส่วนบุคคลเฉพาะที่ยอมรับภาคผนวก ANDB สำหรับบัญชีเท่านั้น ภาคผนวก ANDB สำหรับบัญชีต้องมีการยอมรับแยกกันในบัญชี AWS แต่ละบัญชีซึ่งลูกค้าต้องได้รับการคุ้มครอง ประเภทที่สอง ภาคผนวก ANDB สำหรับองค์กร เมื่อยอมรับโดยบัญชีหลักใน AWS Organizations ใช้กับบัญชีหลักและบัญชีของสมาชิกทั้งหมดในองค์กร AWS ดังกล่าว หากลูกค้าไม่ต้องการใช้ประโยชน์จากภาคผนวก ANDB สำหรับบัญชี ลูกค้ายังสามารถยอมรับภาคผนวก ANDB สำหรับบัญชีสำหรับบัญชีส่วนตัว คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับภาพผนวก ANDB มีให้บริการออนไลน์ที่คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ AWS Artifact

มีคำถามหรือไม่ เชื่อมต่อกับตัวแทนธุรกิจของ AWS
ต้องการสำรวจบทบาทด้านการปฏิบัติตามข้อกำหนดใช่ไหม
สมัครวันนี้ »
ต้องการข่าวสารการอัปเดตเกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อกำหนดของ AWS ใช่ไหม
ติดตามเราบน Twitter »