NFS และ CIFS แตกต่างกันอย่างไร
Network File System (NFS) และ Common Internet File System (CIFS) คือกฎหรือโปรโตคอลการจัดเก็บข้อมูลการเข้าถึงไฟล์เพื่อการแชร์ไฟล์ผ่านเครือข่ายอย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับการดำเนินงานประจำวันขององค์กร การสื่อสาร ทำงานร่วมกัน และแชร์ไฟล์อย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อใช้ NFS ผู้ใช้ (หรืออุปกรณ์ไคลเอ็นต์) จะสามารถเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์เครือข่ายและเข้าถึงไฟล์บนเซิร์ฟเวอร์ได้ โดยมีกฎที่อนุญาตให้ผู้ใช้หลายคนสามารถแชร์ไฟล์เดียวกันโดยไม่เกิดปัญหาความขัดแย้งด้านข้อมูล CIFS ขึ้นอยู่กับโปรโตคอลบล็อกข้อความเซิร์ฟเวอร์ (SMB) CIFS อนุญาตให้อุปกรณ์แชร์ไฟล์กับเซิร์ฟเวอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงอื่นๆ เช่น เครื่องพิมพ์
วิธีการทำงาน: เปรียบเทียบระหว่าง NFS กับ CIFS
คุณสามารถปรับใช้โปรโตคอลการจัดเก็บการเข้าถึงไฟล์ เช่น ระบบไฟล์เครือข่าย (NFS) และ Common Internet File System (CIFS) ผ่านเครือข่ายต่างๆ ได้:
- เครือข่ายทางกายภาพ เช่น เครือข่ายท้องถิ่น (LAN) และเครือข่ายระยะไกล (WAN)
- เครือข่ายเสมือน
- เครือข่ายพื้นที่เก็บข้อมูลระบบคลาวด์
NFS และ CIFS ใช้โปรโทคอล IP และ TCP สำหรับการแชร์ไฟล์ระหว่างเซิร์ฟเวอร์และไคลเอนต์ในสภาพแวดล้อมเครือข่าย เครื่องไคลเอนต์หลายเครื่องสามารถเข้าถึงไฟล์บนเซิร์ฟเวอร์ และสามารถสร้าง อ่าน แก้ไข และลบ (CRUD) ไฟล์ราวกับว่าอยู่ในเครื่องไคลเอนต์ได้ กลไกการล็อกไฟล์ป้องกันความขัดแย้งระหว่างไคลเอนต์หลายเครื่องที่พยายามที่จะเปลี่ยนไฟล์เดียวกันหรือไดเรกทอรี
วิธีการทำงานของ NFS
NFS ได้รับการพัฒนาขึ้นครั้งแรกในปี 1984 โดย Sun Microsystems แต่ตอนนี้ได้รับการดูแลโดย Internet Engineering Task Force NFS ถูกออกแบบมาสำหรับระบบ Unix รวมทั้งระบบปฏิบัติการ Linux และ macOS
ใน NFS ไคลเอนต์จะส่งคำร้องขอไฟล์หรือไดเรกทอรีจากเซิร์ฟเวอร์โดยใช้การเรียกกระบวนการระยะไกล (RPC) ถ้าไฟล์หรือไดเรกทอรีจะพร้อมใช้งาน และไคลเอนต์มีสิทธิ์การเข้าถึงที่ถูกต้อง เซิร์ฟเวอร์จะเมาท์บนไคลเอนต์ ไคลเอนต์จะดำเนินการไฟล์ผ่านการเชื่อมต่อเสมือน ตั้งแต่ NFS เวอร์ชัน 4 ตัวจัดการการล็อก NFS สำหรับการแก้ไขข้อขัดแย้งของไฟล์ไม่ใช่บริการแยกต่างหาก แต่กลายเป็นส่วนหนึ่งของโปรโทคอล
วิธีการทำงานของ CIFS
แต่เดิม Microsoft เป็นผู้เปิดตัว CIFS ในช่วงกลางทศวรรษที่ 1990 ในฐานะส่วนขยายของโปรโทคอลการเข้าถึงไฟล์เซิร์ฟเวอร์ข้อความบล็อก (SMB) CIFS ถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในสภาพแวดล้อมเครือข่ายของระบบปฏิบัติการ Windows แต่ SMB รุ่นต่อมาได้เข้ามาแทนที่ CIFS ในการใช้งานระบบที่ทันสมัย
ใน CIFS รายละเอียดการดำเนินงานและโปรโตคอลไม่ได้รับการบันทึกอย่างกว้างขวางเมื่อเปิดตัว ทำให้เกิดความท้าทายในการดูแลระบบเครือข่ายที่ซับซ้อนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมของระบบปฏิบัติการแบบผสม
ความแตกต่างที่สำคัญ: ระหว่าง NFS กับ CIFS
แม้ว่าทั้งระบบไฟล์เครือข่าย (NFS) และ Common Internet File System (CIFS) จะเป็นโปรโทคอลการเข้าถึงไฟล์ แต่ก็มีความแตกต่างกันหลายประการ NFS ถูก จำกัดความสามารถในการแบ่งปันทรัพยากรให้อยู่เฉพาะไฟล์และไดเรกทอรี ในทางตรงกันข้าม CIFS ยังสามารถเสนอการสื่อสารทรัพยากรที่ใช้ร่วมกันกับอุปกรณ์เครือข่ายอื่น ๆ ได้ เช่น เครื่องพิมพ์ NFS ยังคงอยู่ในการพัฒนางาน และคุณสามารถส่ง RFC ไปที่ Internet Engineering Task Force ได้ CIFS ไม่ได้อยู่ระหว่างการพัฒนา
นี่คือความแตกต่างอื่นๆ บางส่วนระหว่างสองโปรโตคอล
ระบบปฏิบัติการเป้าหมายเริ่มต้น
NFS และ CIFS ได้รับการออกแบบมาสำหรับระบบปฏิบัติการที่แตกต่างกัน CIFS กำหนดเป้าหมายไปที่ระบบปฏิบัติการ Windows ในขณะที่ NFS กำหนดเป้าหมายไปที่ระบบปฏิบัติการ Unix ซึ่งหมายความว่าพวกมันถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์จากระบบปฏิบัติการตั้งต้นของตนเพื่อการดำเนินงานที่ดีที่สุด แม้ว่าคุณสามารถใช้ CIFS กับระบบปฏิบัติการ Linux (ผ่าน Samba) และใช้ NFS กับระบบปฏิบัติการ Windows (ผ่านแพ็คเกจของบุคคลที่สาม) แต่ก็ไม่ได้รองรับระบบดังกล่าวตั้งแต่แรก
การยืนยันตัวตน
NFS แบบดั้งเดิมนั้นใช้การยืนยันด้วยการตรวจสอบโฮสต์ และการเข้าถึงไฟล์ที่ใช้ร่วมกันจะถูกควบคุมตามที่อยู่ IP หรือชื่อโฮสต์ของเครื่องไคลเอนต์ และมีกลไกความปลอดภัยในตัวที่จำกัด ซึ่งอาจเป็นปัญหาในเครือข่ายแบบเปิด
ในทางตรงกันข้าม CIFS มีคุณสมบัติการตรวจสอบความถูกต้องและความปลอดภัยระดับสูง โดยสนับสนุนการตรวจสอบผู้ใช้ ้ดังนั้นผู้ใช้แต่ละคนสามารถเข้าถึงทรัพยากรที่ใช้ร่วมด้วยข้อมูลประจำตัวของพวกเขาได้ CIFS ยังสนับสนุนการเข้ารหัสและกลไกการรักษาความปลอดภัยอื่นๆ ซึ่งทำให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยมากขึ้น
การล็อกไฟล์
NFS ใช้การออกแบบไร้สถานะ ซึ่งหมายความว่ามันไม่ได้ติดตามไฟล์ที่เปิดอยู่บนเซิร์ฟเวอร์ เป็นผลให้การล็อคไฟล์ถูกจัดการโดยไคลเอนต์ และปัญหาจะเกิดขึ้นเมื่อไคลเอนต์หลายตัวพยายามที่จะเขียนไปยังไฟล์เดียวกันพร้อมกัน
ในทางกลับกัน CIFS รองรับการล็อคไฟล์บนฝั่งเซิร์ฟเวอร์ โดยมีการประสานงานที่ดีขึ้นและหลีกเลี่ยงความขัดแย้งเมื่อไคลเอนต์หลายตัวเข้าถึงไฟล์เดียวกัน
ประสิทธิภาพ
NFS ใช้โปรโตคอลที่มีน้ำหนักเบาที่มีค่าใช้จ่ายน้อยกว่า ซึ่งส่งผลให้การเข้าถึงไฟล์และความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลรวดเร็วยิ่งขึ้น
ตรงกันข้าม CIFS มีค่าใช้จ่ายโปรโตคอลมากขึ้นเนื่องจากมันรองรับคุณสมบัติเฉพาะต่างๆ ของ Windows ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเครือข่ายที่มีเวลาแฝงสูง
เมื่อต้องเลือกระหว่าง NFS และ CIFS
สภาพแวดล้อมในเครือข่ายสามารถใช้โปรโตคอลการจัดเก็บการเข้าถึงไฟล์ได้หลายแบบพร้อมกัน ดังนั้นระบบไฟล์เครือข่าย (NFS) และการบล็อกข้อความเซิร์ฟเวอร์ (SMB) หรือ Common Internet File System (CIFS) สามารถใช้งานได้แบบขนาน อย่างไรก็ตาม NFS มักจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า CIFS ขึ้นอยู่กับกรณีการใช้งาน แม้ว่าจะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุดในหมู่โปรโตคอลอื่น ๆ เสมอ
แม้ CIFS ยังคงถูกใช้งานในแอปพลิเคชันและบริการเครือข่ายรุ่นเก่าบางรายการ แต่ก็ไม่ได้ถูกใช้งานในชุมชนระบบที่กว้างขึ้นอีกต่อไป SMB เวอร์ชัน 2.0 ได้มาแทน CIFS และ SMB เวอร์ชัน 3.1.1 เป็นเวอร์ชันปัจจุบันของ SMB สำหรับไฟล์ที่ใช้ Windows และบริการเครือข่ายการแชร์อุปกรณ์ SMB เวอร์ชันปัจจุบันเป็นโปรโตคอลมาตรฐานแล้ว
ผู้ใช้ควรใช้ CIFS เฉพาะในกรณีที่ตัวเลือกนี้เป็นตัวเลือกเดียวที่สามารถทำงานร่วมกับระบบที่มีอยู่ได้ ผู้ดูแลระบบเครือข่ายควรพิจารณาการปรับรุ่นระบบเหล่านี้เป็น SMB เวอร์ชันปัจจุบันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ คุณสมบัติความปลอดภัย ความเข้ากันได้ระหว่างระบบ และชุดคุณสมบัติเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม NFS ยังคงเป็นโปรโตคอลแชร์ไฟล์เครือข่ายที่จำเป็นสำหรับสภาพแวดล้อม Linux Linux มักจะเป็นระบบปฏิบัติการทางเลือกสำหรับเวิร์กโหลดเซิร์ฟเวอร์ระยะไกลเนื่องจากความเสถียร ความน่าเชื่อถือ ความยืดหยุ่น และความคุ้มค่า NFS ยังคงเป็นที่นิยมในสภาพแวดล้อมระบบคลาวด์และศูนย์ข้อมูลในองค์กร
หมายเหตุเกี่ยวกับโปรโตคอลพื้นที่เก็บข้อมูลการเข้าถึงไฟล์ระบบคลาวด์
ทั้ง NFS และ SMB เป็นโปรโทคอลที่เป็นที่นิยม อย่างไรก็ตาม ในสภาพแวดล้อมระบบคลาวด์ ผู้ให้บริการระบบคลาวด์มักจะใช้โปรโตคอลที่เป็นกรรมสิทธิ์ก ที่มีการใช้งานและการกำหนดค่าที่เป็นนามธรรม ด้วยวิธีนี้ผู้ใช้สามารถรวมอุปกรณ์และระบบปฏิบัติการต่างๆ ได้โดยไม่ต้องกำหนดค่าด้วยตนเอง
ในทางปฏิบัติ หมายความว่าผู้ดูแลระบบสามารถใช้ UI แบบง่ายในการเชื่อมต่อ CIFS, SMB และ NFS ในสถานที่ทำงานร่วมกันไปยังเซิร์ฟเวอร์คลาวด์ทุกประเภทได้ เช่นเดียวกับไคลเอนต์ในองค์กรหรือทางไกลทุกประเภท สภาพแวดล้อมระบบคลาวด์แบบไฮบริดเหล่านี้ช่วยลดความซับซ้อนของงานการดูแลระบบเครือข่ายที่ซับซ้อนซึ่งก่อนหน้านี้จำเป็นต้องใช้ในการกำหนดค่าเครือข่ายระยะไกล
สรุปความแตกต่างระหว่าง NFS กับ CIFS
| NFS |
CIFS |
|
| คืออะไร |
ระบบไฟล์เครือข่าย (NFS) |
ระบบไฟล์อินเทอร์เน็ตทั่วไป |
| เวอร์ชันปัจจุบัน |
NFS เวอร์ชัน 4 |
แทนที่ด้วย SMB เวอร์ชัน 3.1.1 |
| เหมาะที่สุดสำหรับ |
สถาปัตยกรรมเครือข่ายแบบ Linux |
สถาปัตยกรรมที่ใช้ Windows แบบดั้งเดิมเมื่อจำเป็น |
| ทรัพยากรที่ใช้ร่วมกัน |
ไฟล์และไดเร็กทอรี |
ไฟล์ ไดเรกทอรี และทรัพยากรเครือข่าย เช่น เครื่องพิมพ์ |
| การยืนยันตัวตน |
ตาม IP |
ตามผู้ใช้ |
| การล็อกไฟล์ |
จัดการโดยไคลเอนต์ |
จัดการโดยเซิร์ฟเวอร์ |
| ประสิทธิภาพ |
ค่าใช้จ่ายของโปรโตคอลต่ำและประสิทธิภาพที่รวดเร็วยิ่งขึ้น |
ค่าใช้จ่ายของโปรโตคอลสูงและประสิทธิภาพที่ต่ำกว่า |
AWS สามารถช่วยเรื่องความต้องการของระบบไฟล์ของคุณได้อย่างไร
Amazon Web Services (AWS) มีการบริหารเครือข่ายที่ทันสมัยและง่ายต่อการใช้ร่วมกัน การแบ่งปันไฟล์ และบริการพื้นที่จัดเก็บที่หลากหลาย มันช่วยลดความซับซ้อนของการทำงานร่วมกัน ไม่ว่าไฟล์และผู้ใช้จะอยู่ที่ใด
หากคุณต้องการใช้ที่เก็บข้อมูลบนระบบคลาวด์เพื่อเพิ่มระบบจัดเก็บไฟล์ในองค์กร AWS Storage Gateway จะมอบสะพานในการสร้างโซลูชันระบบคลาวด์แบบไฮบริดของคุณหรือช่วยโยกย้ายไปยังระบบคลาวด์ ด้วย Amazon Simple Storage Service (Amazon S3) คุณสามารถโยกย้ายพื้นที่เก็บข้อมูลในองค์กรไปยังระบบคลาวด์โดยไม่ต้องปรับโครงสร้างแอปพลิเคชันและกระบวนการที่มีอยู่ใหม่
Amazon FSx สำหรับ Windows File Server เป็นตัวเลือกสำหรับการโยกย้ายเซิร์ฟเวอร์ระบบไฟล์อินเทอร์เน็ตทั่วไป (CIFS) ที่มีอยู่เดิมไปยังสภาพแวดล้อมระบบคลาวด์ที่มีการจัดการ ช่วยให้สามารถผสานรวมเข้ากับสภาพแวดล้อมของ Windows ที่มีอยู่ได้อย่างสมบูรณ์และมีคุณสมบัติด้านความปลอดภัยขั้นสูง
Amazon Elastic File System (Amazon EFS) เป็นบริการ AWS ที่คล้ายกันเหมาะสำหรับการติดตั้งระบบไฟล์เครือข่าย (NFS) มีความสามารถในการจัดเก็บที่ยืดหยุ่นได้อย่างเต็มที่ คุณจึงสามารถจัดการคลัสเตอร์และพอร์ตสถานะไคลเอ็นต์ได้
เริ่มต้นใช้งานโซลูชันการแชร์ไฟล์และพื้นที่เก็บข้อมูลบน AWS ด้วยการ สร้างบัญชี วันนี้
