การเติบโตและการปรับขนาด

ขับเคลื่อนการเติบโตด้วยการเป็นผู้นำการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพ

การเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลจะกระตุ้นให้เกิดนวัตกรรม

ปลดล็อกศักยภาพทางธุรกิจของคุณด้วยข้อมูลเชิงลึกในการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลสำหรับผู้บริหาร สำรวจแหล่งข้อมูลและตัวอย่างในโลกแห่งความเป็นจริงที่คัดสรรโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเรียนรู้ว่าผู้บริหารจะนำพาสู่การเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลจะขับเคลื่อนการเติบโตและนวัตกรรมได้อย่างไร รวมทั้งเปลี่ยนความท้าทายให้กลายเป็นโอกาสในการขยายขนาดองค์กรของคุณ

อาคารในเวลากลางคืน

ผู้บริหารมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ

การเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล ไม่ใช่แค่เพียงการนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ แต่ยังเกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีเพื่อขับเคลื่อนการเติบโต ผู้บริหารที่จินตนาการถึงการสร้างสรรค์ใหม่ ๆ เพื่อธุรกิจของตนจะเริ่มต้นด้วยการลงทุนในกลยุทธ์ กระบวนการ ผู้คน และวัฒนธรรม ผู้บริหารจะมาพูดคุยถึงวิธีการที่ใช้กระตุ้นการเติบโตภายในองค์กรด้วยระบบคลาวด์

กระตุ้นการเปลี่ยนแปลงและความไว้วางใจของลูกค้า

การพูดคุยกับ Julia Houston ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์และการตลาดจาก Equifax

การเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจที่ปรับขนาดได้อย่างรวดเร็ว

การพูดคุยกับ Rita Fisher, CIO และ EVP ด้านห่วงโซ่อุปทานจาก Reynolds Consumer Products

ความคล่องตัวเพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น

การพูดคุยกับ Christian Palomino รองประธานฝ่ายไอทีสากลที่ Meliá Hotels International

เร่งนวัตกรรมดิจิทัลในธุรกิจ

ภายในเพียงแปดปี (ระหว่างปี 2010 ถึง 2018) มีบริษัทที่หายไปจากรายชื่อบริษัท Fortune 500 รวมทั้งหมด 151 แห่ง ซึ่งนับเป็นยอดการตกอันดับที่มากกว่าในช่วง 50 ปีที่ผ่านมารวมกัน เพราะเหตุใด เพราะเทคโนโลยีได้เข้ามาปฏิวัติศักยภาพในการมอบประสบการณ์ให้กับลูกค้า แต่มีเพียงบริษัทส่วนน้อยเท่านั้นที่ปรับวิธีการในการให้บริการลูกค้า การทำความเข้าใจวิธีเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจให้ไปสู่ดิจิทัลน่าจะเป็นส่วนที่ง่ายที่สุดแล้วของกระบวนการ เพราะการเตรียมความพร้อมในการเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัลได้นั้นไม่ง่ายเลย อย่างไรก็ตาม เราก็เริ่มจะคุ้นเคยกับรูปแบบในการเตรียมความพร้อมนั้นกันบ้างแล้ว โดยต้องอาศัยทั้งความเร็วในการดำเนินงาน ความสามารถในการกระจาย และกลยุทธ์ระบบคลาวด์อัจฉริยะ

การเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลใน “การสนทนากับผู้นำ”

พบกับ Tanuja Randery ผู้อำนวยการฝ่ายยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกาของ AWS และ Hatice Evren ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร US Group ของ Getir/FreshDirect ที่จะพูดคุยถึงวัฒนธรรมของ Getir ที่มีความหลากหลาย การดึงดูดผู้มีความสามารถทางเทคโนโลยี และการใช้ข้อมูลและ AI เพื่อประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ตลอดจนความสำคัญของการปรับตัวในฐานะผู้นำ

ฟังเลย

ในตอนนี้ Cheow Hoe Chan ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีดิจิทัลจาก SNDGG ของสิงคโปร์ จะมาพูดถึงประสบการณ์ในการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลภายในรัฐบาล โดยเน้นถึงความสำคัญของการสร้างวัฒนธรรมแห่งนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ยอมรับความหลากหลาย และส่งเสริมแนวคิด “คิดให้ใหญ่ เริ่มต้นให้เล็ก เคลื่อนไหวให้เร็ว”

ฟังเลย

Aesha Zafar หัวหน้าฝ่ายความสามารถเชิงกลยุทธ์ของแผนกงานและบำนาญดิจิทัลของสหราชอาณาจักร จะบอกเล่าข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการดึงดูดและรักษาผู้มีความสามารถในภาครัฐ รวมไปถึงกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จในการสรรหาบุคลากร การพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่องในภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และวิธีการจัดการทีมเมื่อไม่มีแผนแม่บทสำหรับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลขององค์กร

ฟังเลย

คำถามที่พบบ่อย

การเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลหมายถึงนวัตกรรมเชิงกลยุทธ์ระหว่างการดำเนินธุรกิจเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงขององค์กร กลยุทธ์ทางเทคโนโลยีเหล่านี้มีตั้งแต่การย้ายไปยังระบบคลาวด์และการประมวลผลแบบไม่ต้องใช้เซิร์ฟเวอร์ ไปจนถึงแมชชีนเลิร์นนิง เพิ่มประสิทธิภาพของทีม ปรับปรุงความคล่องตัว และใช้ทรัพยากรที่เข้าถึงได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป้าหมายสูงสุดสำหรับการริเริ่มส่วนใหญ่ควรคือการเพิ่มประสบการณ์ของลูกค้า เพิ่มความพึงพอใจของพนักงาน และปรับปรุงผลลัพธ์ทางการเงิน

เทคโนโลยีขั้นสูงจึงมักเป็นกุญแจสำคัญสำหรับวัตถุประสงค์เหล่านี้ ผู้นำส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่กลยุทธ์ทางเทคโนโลยีที่สำคัญ 3 ประการ ได้แก่ การปรับปรุงรูปแบบทางธุรกิจ การปรับปรุงกระบวนการปฏิบัติงาน และการปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า/กระบวนการตัดสินใจซื้อของผู้ใช้ปลายทาง ตัวอย่างเช่น

● การปรับปรุงกระบวนการปฏิบัติงาน ได้แก่ การอัปเกรดสแต็กเทคโนโลยีขององค์กรด้วยโปรแกรมซอฟต์แวร์ล่าสุด แอปพลิเคชัน เวิร์กโฟลว์อัตโนมัติ และเครื่องมือดิจิทัล ซึ่งสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานประจำวันได้
● ระบบปฏิบัติการที่พร้อมใช้งาน AI สามารถตรวจจับปัญหาได้อย่างแม่นยำและช่วยให้ธุรกิจแก้ไขปัญหาได้แบบเรียลไทม์
● การประมวลผลบนคลาวด์และการประมวลผลแบบไม่ต้องใช้เซิร์ฟเวอร์ช่วยให้องค์กรปรับขนาดปฏิสัมพันธ์ดิจิทัลกับผู้ใช้ผ่านจุดสัมผัสหลายจุดโดยไม่ต้องเพิ่มจำนวนพนักงานมากเกินไป

จุดที่สำคัญที่สุดคือการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลช่วยให้บริษัทต่าง ๆ รองรับความต้องการของผู้บริโภคที่ไม่หยุดนิ่งโดยใช้นวัตกรรมได้อย่างต่อเนื่อง

แนวทางมุ่งเน้นดิจิทัลมุ่งเน้นไปที่สามเป้าหมายหลัก ได้แก่ ผู้คน กระบวนการ และผลิตภัณฑ์

ผู้คน: เวิร์กโฟลว์อัตโนมัติและการดำเนินธุรกิจที่คล่องตัวจะป้องกันความเหนื่อยหน่ายของพนักงานพร้อมเพิ่มประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และคุณภาพของบริการหรือผลิตภัณฑ์ที่คุณมอบให้แก่ลูกค้า เป้าหมายหลักคือการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้คนที่คุณให้บริการและเพื่อพนักงานของคุณ

กระบวนการ: นวัตกรรมเชิงกลยุทธ์อาจมาในรูปแบบของสแต็กเทคโนโลยีที่ได้รับการอัปเกรด สำหรับเป้าหมายนี้ บริษัทต่าง ๆ สามารถจเตรียมเครื่องมือและทรัพยากรดิจิทัลล่าสุดที่จำเป็นให้กับพนักงานเพื่อใช้ในการทำงานให้เสร็จโดยใช้เวลาน้อยลง แนวทางที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีนี้ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ความแม่นยำ และคุณภาพของการส่งมอบ ในทางกลับกันยังช่วยลดเวลาที่ใช้แก้ไขข้อผิดพลาดจากมนุษย์ด้วย

ตัวอย่างเช่น การย้ายข้อมูลไปยังคลาวด์ผ่านการแปลงโดเมนยังคงเป็นขั้นตอนที่ปรับขนาดได้ เสถียร ปลอดภัย และง่ายในการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล การเปลี่ยนแปลงนี้สนับสนุนความคล่องตัวทางธุรกิจโดยอนุญาตให้ทีมจัดเก็บข้อมูลได้ไม่จำกัด เข้าถึงได้ทุกที่ และแก้ไขช่องว่างในการสื่อสาร

ผลิตภัณฑ์: การผสานรวมเชิงนวัตกรรมช่วยให้ธุรกิจสามารถมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ และขยายความสามารถในการบริการ ตัวอย่างเช่น ผู้ค้าปลีกสามารถใช้ความเป็นจริงเสริม (AR) เพื่อสร้างสภาวะเสมือนจริงที่ผู้บริโภคสามารถใช้เทคโนโลยี AR ดูว่าผลิตภัณฑ์จะเข้ากับบ้านพักอาศัยหรือไม่ บริการที่เพิ่มมากขึ้นจะให้ข้อมูลที่จำเป็นแก่ผู้ใช้เพื่อใช้ตัดสินใจ ซึ่งจะลดโอกาสในการขอคืนเงิน ด้วยวิธีนี้ผลิตภัณฑ์ดิจิทัลจึงกลายเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการตัดสินใจซื้อของผู้ใช้มากขึ้น ข้อมูลยังสามารถใช้เพื่อปรับปรุงการออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการได้

กล่าวโดยย่อคือ การเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลช่วยให้บริษัทต่าง ๆ เติบโตโดยช่วยเพิ่มทักษะแรงงาน ปรับปรุงกระบวนการ และขยายข้อเสนอใหม่ ๆ ให้กับผลิตภัณฑ์

นวัตกรรมและความยั่งยืนเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญต่อการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล

นวัตกรรมเชิงกลยุทธ์หมายถึงความคิด แนวคิด และแนวทางปฏิบัติทางธุรกิจอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงองค์กรในเชิงบวก และหนึ่งในจุดแรก ๆ ที่องค์กรต่าง ๆ จะพิจารณาเมื่อดำเนินการกับนวัตกรรมเชิงกลยุทธ์ก็คือการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล AWS จัดเตรียมเครื่องมือและทรัพยากรแก่บริษัทต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนพนักงานเมื่อผู้นำริเริ่มการดำเนินธุรกิจในรูปแบบใหม่ ๆ

การนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้มักเป็นส่วนสำคัญของนวัตกรรมเชิงกลยุทธ์ ตัวอย่างเช่น

● ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และแมชชีนเลิร์นนิงสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อรับข้อมูลเชิงลึกใหม่ ๆ ของผู้บริโภคและติดตามการเปลี่ยนแปลงเชิงพฤติกรรม
● ความเป็นจริงเสริมและความจริงเสมือนสามารถสร้างประสบการณ์ที่สมจริงตลอดกระบวนการตัดสินใจซื้อของผู้ใช้
● การประมวลผลบนคลาวด์ช่วยให้การทำงานร่วมกันในทีมและการปกป้องข้อมูลได้ดียิ่งขึ้น
● หุ่นยนต์เพื่อเพิ่มอัตราการผลิตและประสิทธิภาพของทีม

ปัจจัยขับเคลื่อนอีกประการหนึ่งของการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลคือความปรารถนาที่จะใช้แนวทางปฏิบัติทางธุรกิจที่ยั่งยืนซึ่งมีผลกระทบเป็นประโยชน์ต่อชุมชนและโลกใบนี้ โดยรวมถึงการลดของเสียและการปล่อยก๊าซคาร์บอน ตลอดจนปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมาย การเปลี่ยนสู่ดิจิทัลสามารถจำกัดการใช้พลังงาน อนุรักษ์ทรัพยากรที่หมดอายุ เพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์และการจัดส่ง รวมทั้งสนับสนุนความต้องการในการบริหารจัดการพนักงาน

การเปลี่ยนสู่ดิจิทัลหมายถึงแนวทางที่เน้นเทคโนโลยีในการดำเนินธุรกิจ โดยรวมทุกอย่างตั้งแต่วิธีการจัดเก็บข้อมูลใหม่และกิจกรรมประจำวันให้เสร็จสมบูรณ์ไปจนถึงการทำงานร่วมกันในทีมจะได้รับการปรับปรุงเป็นดิจิทัลด้วยเทคโนโลยี Internet of Things (IoT), การประมวลผลบนคลาวด์, ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และแมชชีนเลิร์นนิง

เวิร์กโฟลว์อัตโนมัติสามารถเพิ่มความเร็วในการดำเนินงาน ประสิทธิภาพ และคุณภาพของผลการปฏิบัติงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง AI และแมชชีนเลิร์นนิงสามารถทำให้บริษัท ตรวจจับข้อผิดพลาดและใช้การวิเคราะห์เชิงคาดการณ์เพื่อตัดสินใจอย่างมีข้อมูลได้ง่ายขึ้น การเปลี่ยนสู่ดิจิทัลยังเพิ่มความโปร่งใสและปรับปรุงประสิทธิภาพของทีมได้เช่นกัน

และการเปลี่ยนสู่ดิจิทัลยังส่งผลกระทบเชิงบวกต่อวัฒนธรรมได้อีกด้วย การใช้เทคโนโลยีขั้นสูงช่วยให้พนักงานมีเครื่องมือและทรัพยากรในการทดลองและสร้างสรรค์นวัตกรรม ตัวอย่างเช่น AWS Developer Center ช่วยให้ทีมผลิตภัณฑ์เข้าถึงบทช่วยสอนและแอปพลิเคชันการออกแบบซอฟต์แวร์ที่ง่ายต่อการปฏิบัติตาม ซึ่งสามารถใช้เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ การฝึกอบรมออนไลน์ช่วยให้ทีมของคุณสามารถเพิ่มพูนทักษะได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพตามความสามารถของแต่ละบุคคล

ยิ่งไปกว่านั้นการเปลี่ยนสู่ดิจิทัลพิสูจน์แล้วว่ามีความคุ้มค่าในระยะยาว บริษัทต่าง ๆ ปรับปรุงประสิทธิภาพด้านต้นทุนได้ดีขึ้นด้วยการเลิกใช้กระดาษ ย้ายข้อมูลไปยังคลาวด์ และลดต้นทุนการดำเนินงานโดยลดขนาดเซิร์ฟเวอร์และศูนย์ข้อมูล นอกจากนี้ การเข้าถึงโซลูชันดิจิทัลที่ปรับขนาดได้ทำให้บริษัทต่าง ๆ สามารถปรับกลยุทธ์ตามความต้องการที่ไม่หยุดนิ่งได้ง่ายขึ้น

กลยุทธ์ดิจิทัลที่ประสบความสำเร็จขึ้นอยู่กับการวางแผนที่ครอบคลุมและตรงตามวัตถุประสงค์ ผู้นำและผู้บริหารควรพัฒนากรอบเฟรมเวิร์กที่ครอบคลุมเป้าหมายขององค์กรระยะสั้นและระยะยาวให้มีความเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล

โดยเฟรมเวิร์กอาจรวมถึงองค์ประกอบหลักดังต่อไปนี้

● การรับรู้ด้านดิจิทัลอย่างเพียงพอภายในทีมเพื่อรับรองว่าทีมจะสามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ล่าช้าหรือเกิดปัญหา
● รูปแบบธุรกิจที่ปรับตัวได้ซึ่งตอบสนองความต้องการของตลาดและความสนใจของผู้บริโภคที่ไม่หยุดนิ่ง
● เวิร์กโฟลว์อัตโนมัติเพื่อเร่งความคืบหน้าและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของทีม
● ความเข้าใจที่ครอบคลุมเกี่ยวกับการวางแผนทางการเงินในปัจจุบันและการจัดการกระแสเงินสดเพื่อกระจายต้นทุนอย่างรอบคอบ
● ข้อเสนอแนะของลูกค้าเพื่อความมั่นใจว่ากลยุทธ์ดิจิทัลได้รับการตอบรับอย่างดี
● ตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพหลัก (KPI) เพื่อตรวจสอบและวัดความคืบหน้าของกลยุทธ์ดิจิทัลอย่างถูกต้อง
● เครื่องมือและทรัพยากรออนไลน์ที่สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล

กลยุทธ์ดิจิทัลที่ตอบสนองเป้าหมายที่ต้องการเหล่านี้มีผลกระทบในระยะยาว